สวยเก่ง! รู้จักหวานใจ ‘อนันดา’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์เสื้อผ้าไทยระดับสากล 'ณิชชา'
ในช่วงไม่กี่วันมานี้หลายคนคงจะได้รู้จักเธอกันมากขึ้นในฐานะหวานใจนักแสดงหนุ่มหล่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ที่เพิ่งเปิดตัวว่ากำลังคบหากับสาว ณัฐ - ณิชชา ธนาลงกรณ์
นอกจากบุคลิกหน้าตาภายนอกที่สะสวยและมีเสน่ห์แล้ว เธอยังมีดีกรีเป็นถึงเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง ‘ณิชชา’ (NICHA) ที่โลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นมากว่า 5 ปี อีกทั้งยังสามารถนำ แบรนด์ให้โกอินเตอร์และเป็นที่รู้จักได้ในระดับสากลภายในระยะเวลาเพียงไม่นานอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งสวยและทั้งเก่งกันเลยทีเดียว
โดยสาวเก่ง ณัฐ - ณิชชา ธนาลงกรณ์ นั้นเป็นทายาทแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังระดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่ด้วยความฝันที่อยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเองประกอบกับความชื่นชอบทางด้านงานศิลปะเธอจึงเลือกที่จะศึกษาด้านวิจิตรศิลป์ (Fine Arts) ที่มหาวิทยาลัยอาคาเดมีออฟอาร์ต (Academy of Art University) เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และหลังจากจบการศึกษาเธอก็ตัดสินใจบินตรงกลับเมืองไทยเพื่อสร้างสรรค์ผลงานภายใต้แบรนด์ของตนเองทันที
“ด้วยความที่เราชื่นชอบงานศิลปะมาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยเลือกเรียนด้านนี้โดยเฉพาะ ประกอบกับอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง ซึ่งเรามองว่างานศิลปะแท้จริงแล้วมันก็เป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนเหมือนกับแฟชั่นที่คนก็ต้องคอยอัพเดทเทรนด์กันอยู่เสมอ เราก็เลยตัดสินใจทำแบรนด์เสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงที่สวมใส่สบายและสามารถสร้างความมั่นใจให้เขาได้ในทุกครั้งที่สวมใส่ชุดของเรา ซึ่งยอมรับว่าในช่วงแรกมันก็ไม่ได้ราบรื่นไปทุกอย่าง เพราะเราอายุยังน้อยและยังมีประสบการณ์ไม่มาก แต่เรากลับมองว่าข้อดีของการที่อายุยังน้อยนั้นคือเรายังมีโอกาสที่จะปรับปรุงและแก้ไขในสิ่งที่ยังไม่ใช้ให้ถูกต้องได้ แล้วประสบการณ์ที่ได้รับก็จะช่วยหล่อหลอมให้เราเก่งขึ้นได้เอง”
และหลังจากที่พากเพียรทำแบรนด์เสื้อผ้าด้วยความตั้งใจจนคร่ำหวอดในวงการแฟชั่นได้ไม่นาน ความเก๋ของแบรนด์ ‘ณิชชา’ (NICHA) ก็เป็นที่สนใจในระดับสากลเป็นอย่างมาก จนได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมจัดแฟชั่นโชว์บนเวทีเวียนนาแฟชั่นวีค (VIENNA FASHION WEEK) ที่ประเทศออสเตรีย เพื่อโชว์ฝีมือการออกแบบเสื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ของดีไซน์เนอร์ไทยสู่สายตาเหล่าแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นอีกขั้นที่เธอได้พาแบรนด์ก้าวกระโดดไปสู่ระดับสากล อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนวงการอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกอีกด้วย
“เรารู้สึกดีใจที่ได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมบนเวทีแห่งนี้ เพราะนอกจากจะได้เอาชุดไปโชว์ที่เมืองนอกแล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้สั่งสมประสบการณ์ ซึ่งการร่วมงานกับเมืองนอกนั้นค่อนข้างแตกต่างกับการทำโชว์ที่ไทย เพราะการทำงานในต่างประเทศนั้นแทบจะไม่มีเวลาให้เราได้เตรียมตัวมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนางแบบหรือฟิตติ้งเสื้อผ้า เรียกได้ว่าเราต้องทำการบ้านไปให้พร้อม เพราะทุกคนทำงานกันเร็วและเป็นมืออาชีพมาก”
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าที่เธอสามารถนำพาแบรนด์ให้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ได้อย่างงดงามนั้นเกิดจากความตั้งใจเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วดีไซน์เนอร์สาวยังมีเบื้องหลังความสำเร็จเป็นคนใกล้ตัวที่ต่างเป็นกำลังใจให้เธอกันมากมาย โดยเฉพาะคุณแม่คนสำคัญที่ไม่ว่างานจะรัดตัวแค่ไหน เธอก็จะมีเวลาให้กับคุณแม่เสมอ
“เพราะด้วยวัยของเราที่กำลังสนุกกับการทำงานทุกวันนี้จึงโฟกัสที่เรื่องงานเป็นหลัก แต่สำหรับการมีเวลาให้กับคนสำคัญก็เป็นสิ่งที่ไม่อยากละเลย โดยเฉพาะกับคุณแม่ที่พยายามใช้เวลากับท่านมากที่สุด รวมถึงคนที่เราอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วย เพราะเรามองว่าด้วยเนื้องานที่เราทำถ้าเครียดกับมันมากเกินไปก็ไม่มีประโยชน์ งานดีไซน์มันต้องใช้แรงบันดาลใจ และเราก็ต้องรู้จักพาตัวเองออกไปพบเจอกับอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ”
อีกหนึ่งเคล็ดลับการทำงานให้มีความสุขของสาวอารมณ์ศิลป์นั้น ก็คือการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งหากหลายคนได้ติดตามเธอในอินสตาแกรมก็คงทราบกันดีว่าเธอรักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ เพราะนอกจากจะได้ใช้เวลาพักผ่อนไปกับการท่องเที่ยวแล้วยังได้เรียนรู้และสัมผัสกับวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ ซึ่งเธอเองจะชื่นชอบการท่องเที่ยวในสถานที่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีเรื่องราวทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งเธอมักจะนำสิ่งเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้เป็นไอเดียการสร้างสรรค์เสื้อผ้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
“ตั้งใจทำงานอย่างมีเป้าหมายและรู้จักที่จะหาความสุขให้ตัวเอง เราว่ามันเป็นเคล็ดลับง่ายๆ ในการใช้ชีวิตซึ่งหากทุกคนทำได้ ไม่ว่าอะไรก็ไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนเป้าหมายในอนาคตของเราคิดว่าตัวเองก็ยังคงทำงานอยู่ ก็จะต้องตั้งใจพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”