ซึ่งประกอบไปด้วยทั้งหมด 6 เพลง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับโลกทัศน์ ซีซัน 2 พูดถึงเรื่องราวใหม่ของสมาชิก aespa ที่กลับจาก KWANGYA (ควังยา) มาสู่ REAL WORLD (โลกแห่งความจริง) นับเป็นการปล่อยอัลบั้มใหม่ในรอบ 10 เดือนของ aespa หลังจากมินิอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Girls’ (เกิร์ลส์) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2565

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง aespa ได้ทำลายสถิติเดิมของตัวเองเรียบร้อย ด้วยยอดสั่งซื้อล่วงหน้าของมินิอัลบั้มชุดที่ 3 ‘MY WORLD’ ที่ทะลุกว่า 1.8 ล้านชุด (สถิติ ณ วันที่ 8 พ.ค. 66) ก่อนหน้านี้ aespa เคยสร้างสถิติสูงสุดของตัวเอง ด้วยยอดสั่งซื้อล่วงหน้าของมินิอัลบั้มชุดที่ 2 ‘Girls’ ที่สูงถึง 1.61 ล้านชุด ซึ่งการทำลายสถิติเดิมของตัวเองครั้งนี้ ก็ทำให้ aespa ได้ขึ้นชื่อว่า ‘Million Seller ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2’
 

 

ในมินิอัลบั้มชุดที่ 3 ‘MY WORLD’ มาพร้อมเพลงหลากหลายแนวถึง 6 เพลง โดยเพลงไตเติล ใช้ชื่อว่า ‘Spicy’ (สไปซี่) เป็นเพลงแดนซ์ ที่มีเสียงซินธ์เบสอันทรงพลังและจังหวะแบบไดนามิก เนื้อเพลงโชว์เสน่ห์อันเกินต้านและความเป็นอิสระของ aespa ซึ่งสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวัยรุ่นและความสดใส ตลอดจนเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ของแต่ละสมาชิก ท่ามกลางบรรยากาศใหม่ ๆ ซึ่งแตกต่างจากเพลงสไตล์หนักหน่วงที่ aespa เคยโชว์ให้เห็นในช่วงที่ผ่านมา ด้านมิวสิกวิดีโอของเพลงไตเติล ‘Spicy’ ถ่ายทอดความสวยงามอย่างมีสไตล์ ราวกับได้รับชมภาพยนตร์วัยรุ่น รวมถึงมีเรื่องราวโลกทัศน์เกี่ยวกับ 'A STRANGE PHENOMENON' (หรือ ปรากฏการณ์แปลกประหลาด) ที่เกิดขึ้นกับ aespa ที่กลับจาก KWANGYA (ควังยา) มาสู่ REAL WORLD (โลกแห่งความจริง)
 

 

นอกจากนี้ ในอัลบั้มยังมีเพลงอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงโลกดนตรีของ aespa เช่น ‘Welcome To MY World (Feat. nævis)’ ที่ถูกปล่อยออกมาล่วงหน้าเป็น Pre-release ซิงเกิล เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเป็นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ ป๊อป ที่มีทั้งการริฟฟ์กีตาร์อันชวนฝัน, วงออร์เคสตราสุดอลังการในช่วงครึ่งหลังของเพลง และ nævis (นาวิส) ที่มาร่วมร้อง ด้านเนื้อเพลงมีการเชิญชวน nævis ที่เคยปรากฏตัวในฐานะผู้ช่วยในโลกทัศน์ของ aespa เข้าสู่ REAL WORLD (โลกแห่งความจริง) และในขณะเดียวกัน ก็หมายถึงการเชิญชวนผู้ฟัง เข้าสู่โลกดนตรีของ aespa ซึ่งก็คือ 'MY WORLD'

 

รวมถึงเพลงที่ aespa เคยแสดงในคอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งแรก ‘2023 aespa 1st Concert ‘SYNK : HYPER LINE’ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เช่น ‘Salty & Sweet’ เพลงแดนซ์สุดทรงพลังที่เน้นเสียงเบสและซินธ์แบบหยาบ เนื้อเพลงพูดถึงการทำให้อีกฝ่ายหลงใหล ด้วยเสน่ห์ที่เหมือนกับยาวิเศษที่ 'Salty' และ 'Sweet', เพลง ‘Thirsty’ แนว R&B ที่ผสมผสานเสียงร้องเพราะ ๆ ของ aespa เข้ากับเสียงดนตรีอันชวนฝัน, เพลงป๊อป ‘I’m Unhappy’ ที่มีความมินิมอลกับเสียงร้องเท่ ๆ น่าหลงใหล และเพลงบัลลาด ‘'Till We Meet Again’ ที่มีการบรรเลงเครื่องสายอันไพเราะงดงาม เนื้อเพลงแสดงความรู้สึกของ aespa ที่มีต่อแฟนคลับว่า แม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็เชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยดนตรีอยู่เสมอ